วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

10 แนวคิดเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคต (ConceptPhone)

10 แนวคิดเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคต (ConceptPhone)

 

1.Oho-idea สำหรับแนวคิดแปลกใหม่น่าสนใจของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคตหรือ Concept Phone ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย ฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ไม่ยึดติดกับรูปร่างลักษณะแบบเดิมๆ ของโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ตอบสนองผู้ใช้งานและเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีใน อนาคตWeather Cell Phone Concept : แนวคิดเพื่อบอกสภาพดินฟ้าอากาศแนวคิดมือถือ โทรศัพท์มือถือบอกสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather Cell Phone Concept) มีแนวคิดและจุดเด่นตรงตัวเครื่องทำจากวัสดุ โปร่งใส ขนาดบางเฉียบ หน้าจอสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ตัวเครื่อง ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมการทำงาน สามารถตรวจวัดสภาพอากาศในปัจจุบันแล้วแสดงผลบนตัวเครื่องได้ อย่างเช่น อากาศปลอดโปร่ง หน้าจอจะใสแจ๋ว หากฝนตกตัวเครื่องก็จะมีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ และถ้ามีหิมะตกหน้าจอก็จะเป็นฝ้าด้วยไอความเย็นของหิมะ และหากต้องการโทรออกหรือเขียนข้อความ เพียงแค่ใช้ปากเป่าลมไปยังหน้าจอ ก็สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย
ผลงานการออกแบบของ Seunghan Song 








2.  Mobile script Concept : แนวคิดหน้าจอระบบ สัมผัสที่สามารถดึงเข้า-ออกโดย แนวคิดโทรศัพท์มือถือร่วมสมัย เพื่อต้องการความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 9.5 นิ้วที่สามารถดึง เข้า-ออกจากตัวเครื่องด้านข้างได้ หรือที่เรียกว่า "Script Concept" ซึ่งเหมือนวิธีการ ส่งสาร จดหมายสมัยโบราณ ที่ส่งเป็นลักษณะม้วนกระดาษ นับว่าเป็นแนวคิดที่ดี ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสมัยใหม่ได้ดีทีเดียว
ผลงานการออกแบบของ Aleksander Mukomelov
  


   
3.Projector Cell Phone Conceptแนวคิดมือถือติดโปรเจคเตอร์แนวคิดมือถือโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเป็นมากกว่ามือถือธรรมดา เป็นแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ (Projector Concept) ไว้ ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่ม กด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ ได้
ผลงานการออกแบบของ Stefano Casanova
  





4.Alarm Clock Cell Phone Conceptแนวคิดมือถือกับนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ
แนวคิดโทรศัพท์มือถือนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ Sony Ericsson รูปทรงคล้ายนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ มองเห็นเวลาชัดเจนด้วยรูปแบบนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่ มีเครื่องเล่น Walkman, ติดกล้องถ่ายรูป และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AAA 2 ก้อน
ผลงานการออกแบบของ Carl Hagerling
  




5.  Pen Cell Phone Conceptแนวคิดโทรศัพท์มือ ถือรูปทรงปากกาแนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงปากกา ความยาว 8.7 นิ้ว ปุ่มกดตัวเลข 1-9 เรียงจากหัวปากกาไป ด้านบน ถัดไปเป็นจอแสดงผล รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD ภายในประกอบด้วย ฟังก์ชั่นพื้นฐานเหมือนโทรศัพท์ทั่วไป เพียงแต่ว่าง่ายต่อการพกพาสะดวกกว่าเท่านั้น
  



6.  Edge Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์หรู
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์ ที่มีแผงปุ่มกดทำจากวัสดุโปร่งใส ขนาดบาง ใช้ระบบสัมผัส เมื่อเราต้องการกดหมายเลขก็เพียงเลื่อนสไลด์แผงปุ่มที่ใสๆ ออกมาเท่านั้นเอง
ผลงานการออกแบบของ Chris Owens
  
7.  Grass Cell Phone Conceptแนวคิดโทรศัพท์มือ ถือต้นหญ้าแนวคิดโทรศัพท์มือถือต้นหญ้าหรือ Grass Cell Phone มาจากแนวคิดเนื่องด้วยธรรมชาติสร้างสรรค์ เทคโนโลยีให้ควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว จึงไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมือถือต้นหญ้าเครื่องนี้ก็จะค่อยๆ ย่อยสลายตัวเองไปตามกาลเวลาภายในระยะเวลา 2 ปี เพราะว่าวัสดุที่ใช้ทำเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้นั่นเอง
ผลงานการออกแบบของ Je-Hyun Kim
  



8.  Mechanical Cell Phone Conceptแนวคิดโทรศัพท์มือ ถือพลังงานกล
แนวคิดโทรศัพท์มือถือพลังงานจากกลไกการหมุนตัว เครื่อง ด้วยการใช้นิ้วสวมลงไปในรูวงกลมแล้วหมุนโทรศัพท์ไปรอบๆ นิ้วมือ เพียงแค่นี้โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ก็มีพลังงานเพิ่มขึ้นพร้อมด้วยหน้า จอแสดงผลระบบสัมผัสบอกสถานะการชาร์จ
ผลงานการออกแบบของ Mikhail Stawsky




9.  Flexible Cell Phone Conceptแนวคิดโทรศัพท์มือ ถือกำไลข้อมืแนวคิดโทรศัพท์มือถือกำไลข้อมือ หรือนาฬิกา โดยตัวเครื่องทำมาจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอ ยึดปลายทั้งสองเข้าหากัน ใช้เป็นกำไลข้อมือ พกพาไปไหนได้สะดวกมากขึ้น
ผลงานการอกแบบของ Shirley A. Roberts

10.  Ear Cell Phone Conceptแนวคิดโทรศัพท์มือ ถือหูฟังล่องหนแนวคิดโทรศัพท์มือถือหูฟังล่องหนหรือที่เรียก ว่า "Ilshat Garipov" ออกแบบให้มีขนาดบาง เฉียบ มีลักษณะคล้ายคลิปหนีบ ดึงส่วนยื่นออกมาเกี่ยวกับช่องหู คล้ายหูฟัง วัสดุประกอบตัวเครื่องแต่ละชั้นใช้โพลิเมอร์สอดแทรกด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเซ็นเซอร์จำนวนมากสามารถตรวจจับผิวหน้าสัมผัสกับตัวเครื่องเปลี่ยนสีพื้น ผิวโทรศัพท์ให้เหมือนกับบริเวณที่ส่วมใสอยู่ ดูผ่านๆ แล้วเหมือนกับโทรศัพท์ล่องหนได้
ผลงานการอกแบบของ Kambala



การทำนายสุดยอดการใช้เทคโนโลยี 10 อันดับในอนาคต



 การทำนายสุดยอดการใช้เทคโนโลยี 10 อันดับในอนาคต




                การทำนายลักษณะโลกแห่งเทคโนโลยีในอนาคตได้ตีพิมพ์ในวารสารเทคโนโลยีของประเทศอังกฤษ ชื่อว่า วาย (Wired) ซึ่งวางออกสู่ตลาดแล้วในประเทศอังกฤษเมื่อไม่นานมานี้

อันดับที่  1  มีสัญญาณเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Wi-Fi) ทั่วทั้งเมือง (ปี 2010)
ซู ปาค์กเกอร์ นักมนุษยวิทยากล่าวไว้ว่า อีกไม่นานไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ ก็จะมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อได้ด้วยความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล ที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งจะถือเป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศให้ก้าวหน้าอีกขั้น

อันดับที่  2  การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีด้านชีวภาพ                   (ปี 2013)
          การศึกษาผลกระทบของยาปฏิชีวนะต่อร่างกาย สามารถทำได้โดยง่ายและมีความรวดเร็ว เนื่องจากความแม่นยำและคงที่ของคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถมากขึ้น

อันดับที่ 3 หุ่นยนต์เริ่มเข้ามามีบทบาท (ปี 2014)
         ในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น และจะสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ โดยในบางชิ้นงานยังจะสามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ ประเทศเกาหลีใต้เพิ่งเปิดตัวเมืองหุ่นยนต์เมื่อไม่นานมานี้ โดยทั้งเมืองจะมีประชากรหุ่นยนต์และอาจจะมีประธานาธิบดีที่เป็นหุ่นยนต์อีกด้วย โดยลงทุนเป็นเงินมหาศาลในการพัฒนาเมืองหุ่นยนต์ขึ้นมา

อันดับที่ 4 โปรแกรมช่วยค้นหาข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทุกอย่าง (ปี 2014)
อิริค ฮอร์เวส นักวิจัยของไมโครซอร์ฟ กล่าวว่าจากการที่เรามีการเก็บข้อมูลต่างๆไว้ในรูปแบบอิเลกทรอนิกส์ ที่ไม่ใช่เป็นแบบกระดาษเหมือนสมัยก่อน ทำให้การนำเอาข้อมูลต่างๆ มาเชื่อมโยงกันเพื่อนำไปใช้งานในด้านต่างๆ ซึ่งข้อมูลที่เก็บในฐานข้อมูลจะมีการถูกออกแบบโครงร่างความสัมพันธ์ของข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน  สิ่งที่มนุษย์ต้องพัฒนาคือหาความสัมพันธ์ที่เหมาะสมในการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้น และเมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อกันก็จะทำให้การเรียนรู้สิ่งต่างๆเป็นไปได้ไม่ยากและง่ายต่อการทำงาน

อันดับที่ 5 โปสเตอร์โฆษณาแสนฉลาด (ปี 2015)
การใช้งานโปสเตอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและตำแหน่งเหมือนกับจอโทรทัศน์ได้ จะถูกพัฒนาและนำมาใช้ในไม่ช้า และการที่ป้ายลักษณะนี้สามารถเปลี่ยนสิ่งที่แสดงผลเหมือนจอโทรทัศน์ก็จะทำให้มันมีมูลค่าและมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น

อันดับที่ 6 หน้าต่างไฮเทค (ปี 2017)
ลักษณะพิเศษของหน้าต่างนี้คือสามารถที่จะทำความสะอาดตัวเองได้โดยใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์

อันดับที่ 7 เครื่องบรรจุสิ่งของไฮเทค (ปี 2017)
เครื่องบรรจุสิ่งของที่สดแสนจะทันสมันนี้ จะมีการทำงานโดยใช้ชิปที่มี RFID (การใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อระบุลักษณะเฉพาะของวัตถุแต่ละชิ้น) สิ่งนี้จะช่วยให้การบรรจุสิ่งของทำได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น

อันดับที่  8 อาคาร สิ่งก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพสูง (ปี 2017)
 อาคารที่ประกอบด้วยไปด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่แปลกใหม่น่าสนใจพร้อมทั้งการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานมากมาย นอกจากนั้นอาคารที่มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยสูงและช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานก็ถือเป็น 1 ใน 10 สิ่งที่จะมีในโลกอนาคต

อันดับที่ 9 อุปกรณ์ไฮเทคสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ Teledildonics (ปี 2018)
        อุปกรณ์ที่กล่าวถึงนี้เป็นอุปกรณ์รีโมทคอนโทลจำลองเสมือนการมีเพศสัมพันธ์ คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น

อันดับที่ 10 คอนเทคเลนส์ไฮเทค (ปี 2018)
การพัฒนาคอนแทคเลนส์ในขณะนี้มีความก้าวหน้าไปมาก และในการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีก็ระบุว่า คอนเทคเลนส์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนี้สามารถที่จะแสดงคำหรือภาพให้เห็นบนดวงตาได้ อีกทั้งยังสามารถที่จะดาวน์โหลดโปรแกรมที่สามารถกำหนดความฝันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในบางสื่ออาจจะมีการทำนายที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลข้างบนก็ช่วยทำให้เราเห็นภาพของโลกเทคโนโลยีในอนาคต และรับรู้สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยการทำนายเทคโนโลยีในอนาคตนี้ถูกรวบรวมโดย ชาร์ลี เบร์นตัน

 

 



วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

"5 เทคโนโลยี" ในอีก 5 ปีข้างหน้า





อินเทอร์เน็ตสุขภาพจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้ง่ายและทันท่วงทียิ่งขึ้น (ภาพโดย ไอบีเอ็ม) EDIT IMAGE
หลายคนจินตนาการถึงโลกในอนาคตแตกต่างกันไป และหลายจินตนาการก็กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยนักวิทยาศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก จนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถพลิกรูปแบบวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมได้ และในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็น 5 เทคโนโลยีใหม่ เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วโลกแน่นอน จากการคาดการณ์โดยไอบีเอ็ม
       
       
เมื่อไม่นานมานี้ไอบีเอ็มได้เปิดเผยรายงานประจำปี "เน็กซ์ 5 อิน 5" (Next 5 in 5) ฉบับที่ 4 ซึ่งมีการคาดการณ์นวัตกรรมและเทคโนโลยี 5 สิ่ง ที่กำลังจะเกิดขึ้นและมีผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองต่างๆ ทั่วโลก ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จากการวิเคราะห์เทคโนโลยีในห้องปฏิบัติการ ประกอบกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
       1. "
โมเดลคณิตศาสตร์" ช่วยโลกรับมือโรคระบาด ในแต่ละปีมีประชากรราว 60 ล้านคน ย้ายถิ่นฐานจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ และในปี 52 มีการประเมินพบว่าประชากรส่วนใหญ่ของโลกอาศัยอยู่ในเขตเมืองมากกว่าชนบท ส่งผลให้เมืองใหญ่กลายเป็นแหล่งเพาะและแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย ฉะนั้นจะต้องมีระบบป้องกันและการสื่อสารด้านสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับชาวเมือง
ไอบีเอ็มคาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์จะมีบทบาทในด้านสาธารณสุขมากยิ่งขึ้น ในการหาแนวโน้มรูปแบบการระบาดของโรคว่าจะเกิดการระบาดขึ้นบริเวณไหน เวลาใดบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและเตรียมการรับมือเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด และการรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งมี "อินเทอร์เน็ตเพื่อสุขภาพ" ที่จะเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์ระหว่างชุมชน โรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเวชภัณฑ์ได้อย่างทั่วถึง เกิดเป็นระบบสาธารณสุขที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพ สามารถคาดการณ์รูปแบบการระบาดของโรค ศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย และแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำในอนาคต


อีกไม่นานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเข้ามายึดพื้นที่บนถนนแทนรถยนต์ใช้น้ำมัน (ภาพโดย ไอบีเอ็ม)

       
       2. "
รถพลังไฟฟ้า" มาแน่นอน
ทุกวันนี้เริ่มมีรถยนต์ไฮบริดออกมาวิ่งตามท้องถนนบ้างแล้ว แต่เพราะยังเป็นนวัตกรรมใหม่ รถยนต์ไฮบริดจึงยังมีราคาแพงระยับเหยียบคันละหลายล้านบาท ทว่าผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้รถยนต์ไฮบริดซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างมาก จะมีราคาถูกลงอย่างแน่นอน และจะเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ
สำหรับรถยนต์ไฮบริดในปัจจุบัน ใช้พลังงานจากแบตเตอรีลิเธียมไอออน ซึ่งยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่นักวิทยาศาสตร์ก็กำลังมุ่งมั่นพัฒนาแบตเตอรี่ขับเคลื่อนรถยนต์และรถประจำทางที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถทำให้รถวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมแอร์ (Lithium Air) ซึ่งสามารถเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้มากกว่าลิเธียมไอออนถึง 10 เท่า ทั้งยังมีน้ำหนักเบา ปลอดภัยกว่า และราคาถูกกว่า และในอนาคตรถยนต์ที่เรานั่งอาจไม่ต้องแวะเติมน้ำมันตามปั๊มอีกต่อไป เพราะเพียงชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่จากที่บ้าน ก็ขับรถไปเที่ยวที่ไหนๆ ได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร
ผู้เชี่ยวชาญไอบีเอ็มยังคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า พลังงานทดแทนอื่นๆ ก็จะถูกนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ด้วยเช่นกัน อาทิ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่รองรับระบบขนส่งมวลชนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าก็จะได้รับการพัฒนาให้ก้าวล้ำและแพร่หลายมากขึ้นด้วย





ต่อไปตึกสูงและอาคารใหม่จะถูกติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้มากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการให้ผู้ใช้งานอย่างเป็นระบบ และลดการใช้พลังงาน (ภาพโดย ไอบีเอ็ม)


       3. "
อาคารอัจฉริยะ" ตอบสนองทุกความต้องการของชีวิตคนเมือง
       
ตึกสูงระฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองใหญ่ และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ขณะที่ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มใช้ชีวิตอยู่ในอาคารสูงกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน หรือเป็นที่พักอาศัย และในแต่ละปีอาคารเหล่านี้ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมารวมแล้วมากกว่ารถยนต์บนท้องถนนเสียอีก
       
ในอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอาคาร เพื่อเชื่อมโยงระบบต่างๆ ภายในอาคาร ทั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา อุณหภูมิ โทรคมนาคม และระบบรักษาความปลอดภัย โดยจะเชื่อมโยงกันและบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และปลอดภัยยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานหรือผู้เข้าพักได้ราวกับมีชีวิต และด้วยระบบอัจฉริยะภายในอาคาร จะมีการเตือนล่วงหน้าด้วยว่าระบบหรืออุปกรณ์ชิ้นไหนควรได้รับการซ่อมบำรุงก่อนที่จะเกิดการชำรุดเสียหาย และยังตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆได้อย่างทันท่วงที 
ตัวอย่าง  อาคารอัจฉริยะที่เริ่มมีให้เห็นแล้วในปัจจุบัน เช่น โรงแรมไชน่า หังโจว ดราก้อน ในประเทศจีน, อาคารเซเว่น เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

เทคโนโลยีอัจฉริยะในอนาคตจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมในเมืองใหญ่ได้ 

4.เทคโนโลยีอัจฉริยช่วยป้องกันปัญหาอาชญากรรมในเมือง
       
ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีขั้นสูงจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมในเมืองให้น้อยลงได้ และเพิ่มความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมจากสถิติและแนวโน้มเพื่อคาดการณ์ล่วงหน้าว่าพื้นที่ไหน เวลาใด เสี่ยงเกิดเหตุร้าย และช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจตราความสงบเรียบร้อย และป้องกันการก่ออาชญากรรมหรือรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที    นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันและรับมือกับปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ก็จะได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและมีการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่น ระบบดับเพลิงอัจฉริยะ ช่วยคาดการณ์ความเสี่ยงจากอัคคีภัยในเมือง และรับมือกับปัญหาเพลิงไหม้หรือไฟป่า, ระบบควบคุมอุทกภัยแบบอัจฉริยะ ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนบริเวณเขื่อนกันน้ำท่วม ตามแนวชายฝั่งทะเลและแม่น้ำลำคลอง เช่น ศูนย์จัดการน้ำระดับโลก (Global Center for Water Managment) ของไอบีเอ็ม ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ กำลังบุกเบิกเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ในตอนนี้

ในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยให้มนุษย์บริหารจัดการน้ำได้ดียิ่งขึ้น  (ภาพโดย ไอบีเอ็ม)
       

       5.
ระบบจัดการน้ำอย่างชาญฉลาด บรรเทาปัญหาน้ำขาดแคลน
       
ผู้เชี่ยวชาญของไอบีเอ็มระบุว่าในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการใช้น้ำทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นมากกว่านั้นหลายเท่าตัว และปัจจุบันนี้น้ำที่มีอยู่ทั่วโลกมีเพียง 2% เท่านั้นที่สามารถใช้อุปโภคและบริโภคได้ และความต้องการน้ำของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นอีก 6 เท่าในอีก 50 ปีข้างหน้า แต่ปัญหาขาดแคลนน้ำนั้นเป็นภัยคุกคามประชาชนแล้วหลายพื้นที่ โดยมีประชากรถึง 1 ใน 5 ของโลก เข้าไม่ถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย
นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามพัฒนาระบบอัจฉริยะที่ช่วยบริหารจัดการน้ำในเขตเมือง เพื่อลดการสิ้นเปลืองและสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการรั่วไหลของท่อประปาและซ่อมแซมตัวเองได้อย่างอัตโนมัติ รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีกรองน้ำที่สามารถเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด หรือกรองเสียให้กลายเป็นน้ำดี และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำได้

      
       
แนะไทยเร่งพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำ
นายตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป (ภาพโดย ไอบีเอ็ม)

      
       
นายตรัยรัตน์ สุวรรณประทีป ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งว่า เทคโนโลยีใหม่ 5 สิ่ง ที่กล่าวมานั้นมีแนวโน้มจะเป็นจริงได้ในอีก 5 ปีข้างหน้าแน่นอน โดยมีความพร้อมในด้านเทคโนโลยี แต่จะเป็นที่แพร่หลายในสังคมได้หรือไม่นั้น ต้องอาศัยความพร้อมและปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นเครื่องผลักดัน และทั้ง 5 นวัตกรรมอาจไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันในเมืองเดียวกัน แต่บางนวัตกรรมอาจเกิดขึ้นในบางเมืองก่อนเมืองอื่นๆ
        "ระบบขนส่งมวลชนด้วยพลังงานไฟฟ้ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นก่อนเทคโนโลยีอื่นสำหรับในประเทศไทย เพราะมีบริษัทรถยนต์หลายแห่งเริ่มนำรถยนต์ไฮบริดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยกันแล้ว ประกอบกับปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหามลพิษ และความต้องการลดก๊าซเรือนกระจก จะเป็นสิ่งจูงใจและผลักดันให้ประชนชนหันมาพึ่งพายานพาหนะที่ไม่ใช้น้ำมันกันมากขึ้น" นายตรัยรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญของไอบีเอ็มยังแนะด้วยว่า เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม และมีทั้งปัญหาขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ จึงน่าจะมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพก่อนเทคโนโลยีอื่นๆ ในบรรดา 5 เทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้ และเกิดประโยชน์แก่ประชาชนส่วนมากของประเทศ